แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Designer แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Designer แสดงบทความทั้งหมด

การเลือกแบบแหวนตัวเรือนเครื่องประดับเพชร

การเลือกแบบแหวนตัวเรือนเครื่องประดับเพชร

1. การเลือกโลหะขึ้นตัวเรือนแหวน โลหะที่เป็นที่นิยมที่ใช้สำหรับทำแหวนหมั้น-แหวนแต่งงานได้แก่
- ทอง (Yellow Gold) ความบริสุทธิ์ของทอง ที่แนะนำสำหรับทำตัวเรือน ควรเป็นทองที่มีความบริสุทธิ์ 75% (18K) หรือ 90% (22K) เพื่อให้มีความแข็งเพียงพอที่จะเกาะเพชรได้แข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่ายขณะสวมใส่ เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวสองสี หรือผิวคล้ำ
- ทองขาว (White Gold) ก็คือทองคำ ที่มาทำให้ขาวขึ้นด้วยพาราเดียมและโรเดียม โดยต้องมีการเคลือบชิ้นงานให้ดูขาวเงา เหมาะกับผู้ที่มีสีผิวขาว หรือผิวเหลือง
- ทองคำขาว (Platinum) เป็นแร่โลหะสีขาว นำมาใช้งานที่ความบริสุทธิ์ 90% และ 95% มีความแข็ง ทนทาน หนัก และจุดหลอมเหลวสูงกว่า มักนำมาใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องบิน มีราคาสูงกว่ามากและค่าแรงในการขึ้นตัวเรือนสูงกว่า และทำตัวเรือนยากกว่าเพราะมีจุดหลอมเหลวที่สูง

2. เลือกรูปแบบเทคนิคการขึ้นตัว เรือนฝังเพชร

- การขึ้นตัวเรือนแบบหนามเตย (Prong or Claw Setting) มีหนามเตยยกชูเพชรขึ้นมาจากตัวเรือน ช่วยทำให้เพชรมีความโดดเด่น ราคาไม่แพง ตัวเรือนยึดเพชรอย่างแข็งแรงมั่นคง

- การขึ้นตัวเรือนแบบทิฟฟานี (Tiffany Setting) เป็นการขึ้นตัวเรือนแบบหนามเตยที่มีขา 4-6 ขาแบบยาวเรียวยึดเพชรไว้

- การขึ้นตัวเรือนแบบหุ้ม (Bezel or Tube Setting) เพชรถูกตีกรอบด้วยโลหะตัวเรือน ช่วยป้องกันขอบและฐานของเพชรได้อย่างดี

- การขึ้นตัวเรือนแบบสอด (Channel setting) ใช้ แถบโลหะตัวเรือน 2 เส้นยึดเพชรไว้สองด้านคล้ายราง รถไฟ นิยมฝังเพชรทรงกลมขนาดเล็กเท่าๆกันต่อกัน ช่วยป้องกันขอบเพชร

- การขึ้นตัวเรือนแบบจิกไข่ปลา (Pave or Bead Setting) เพชรจะถูกฝังอยู่ติดกันโดยมีโลหะตัวเรือนเล็กๆ ขั้นกลาง สำหรับยึดเพชรขนาดเล็กให้ติดๆกัน

- การขึ้นตัวเรือนแบบไร้หนาม (Invisible or Boundless Setting) เพชรถูกฝังติดกันแน่นโดยซ่อนโลหะยึด เพชรไว้ใต้เพชร เห็นผิวหน้าเพชรต่อเนื่อง ช่วยเพิ่มความเป็นประกายให้กับเพชร

- การขึ้นตัวเรือนแบบใช้แรงบีบอัด (Tension setting) เพชรถูกยึดด้วยตัวเรือนแหวนด้วยแรงอัด 12,000 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว ช่วยทำให้เพชรส่องประกายโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง

3. เลือกแบบตัวเรือนแหวน หมั้น/แหวนแต่งงานเจ้าสาว โดยที่แหวนมักเน้นความโดดเด่นและแวววาวของเพชรเม็ดกลาง โดยมากทำเป็น แหวนเม็ดเดี่ยว (Solitaire) เพชรเม็ดกลางชูเด่น เน้นความเรียบง่าย เพื่อให้เพชรแสดงตัวตนมากที่สุด กรอปกับตัวเรือนที่กว้างเท่าหน้าเพชร (เหมาะกับนิ้วทรงกลมอวบ) ก้านเพรียวเสมอกัน หรือไล่ขนาดก้านจากแคบไปกว้าง (เหมาะกับนิ้วที่มีข้อ ใส่ง่ายและกระชับโคนนิ้ว) บางคนเพิ่มเพชรด้านข้างเป็นแบบ แหวนเพชรสามเม็ด (Trigony) เม็ดกลางใหญ่ดูเด่น เม็ดข้างโค้งรับนิ้วทำให้ดูเต็มนิ้ว มีความหมายถึง อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ที่จะไม่เปลี่ยนแม้เวลาจะเปลี่ยนไป หรือเลือกเป็นแบบแหวนทรงบ่าข้าง (Supporter) มีเม็ด กลางเด่นใหญ่และขนาบด้วยบ่าทั้งสองข้าง มีความหมายดีในแง่ใส่แล้วจะมีคนส่งเสริม มีบริวารสนับสนุน หรือจะเลือกเป็นแบบทรงโบราณแหวนรูปทรงดอกไม้ (Flora) เน้นเม็ดกลางเด่นใหญ่ ล้อมด้วยบริวารเล็กรอบด้านจนดูเต็มนิ้ว ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้เม็ดกลางขนาดใหญ่มาก หรือไม่ก็เป็นแหวนรอบนิ้ว (Eternity) เพชรฝังกระจายไปรอบนิ้วในจำนวนที่เป็นมงคล หรือเพชรยึดด้วยตุ่มเตยกลมให้ดูแพรวพราว เหมาะกับนิ้วที่ข้อนิ้วโต เพชรจะไม่ค้ำนิ้ว ใส่สบาย สามารถใส่ได้ทุกวัน มีความหมายเป็นแหวนแห่งนิรันดร

4. เลือกแบบตัวเรือน แหวนหมั้น/แหวนแต่งงานเจ้าบ่าว โดยที่แหวนมักจะมีรูปแบบมักดูเรียบง่าย ขอบมนไม่คม ใส่สบาย เข้านิ้ว ความกว้างของแหวนจะกว้างกว่าแหวนเจ้าสาวโดยขึ้นกับความยาวของนิ้วแต่ละคน การออกแบบตามลักษณะนิ้วเช่น ผิวก้านแบนเรียบ (สำหรับ นิ้วอวบเต็ม ทำให้ใส่สบาย ไม่อึดอัด) ผิวก้านกลมนูน (สำหรับข้อนิ้วโต ช่วยบดบังร่องระหว่างนิ้ว และทำให้ใส่กระชับมากขึ้น) ตัวเพชรมักเรียบไปกับตัวเรือน ขนาดของเพชรพอเหมาะกับความหนา/ความสูงของแหวนที่ต้องการ เนื่องจากต้องมีการเผื่อระยะของก้นเพชรจากตัวนิ้ว ตัวแหวนเพิ่มความทันสมัยด้วยการขัดผิวพื้นด้านโดยรอบ เป็นเงาเรียบ ลงลายเส้น พ่นทราย เซาะร่องขอบ หรือทูโทน (ทองและทองขาวสลับ) รูปแบบแหวนมีได้ตั้งแต่ แหวนปลอกมีด-เกลี้ยง (Classic) แหวนปลอกมีด-เพชรเม็ดเดี่ยว (Solitaire) แหวนเพชรฝังกระจายรอบนิ้ว (Eternity) แหวนทรงบ่า ข้าง (Supporter) แหวนเพชรจำนวนตัวเลข (Lucky Number) โดยอาจวางรูปทรงเรขาคณิต แหวนรอบนิ้ว หรือแหวนทรงบ่าข้าง

 

แหล่งที่มา : ผู้ลงบทความ : หมี เมืองตาก

เก๋ไก๋ทันแฟชั่น

เก๋ไก๋ทันแฟชั่น

ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตหรือตกต่ำ กระแสแฟชั่นก็เหมือนคลื่นที่ซัดเข้ามาไม่มีหยุด ซึ่งนั่นก็เป็นทั้งคำอวยพรและคำสาป ในช่วงเวลาแบบนี้ผู้บริโภคจะคอยติดตามแฟชั่นซึ่งเป็นแค่กระแสที่ผ่านมาแล้ว ก็ผ่านเลยไปได้อย่างไร ยิ่งกว่านั้นธุรกิจนี้จะปล่อยให้ผู้บริโภคไม่ติดตามแฟชั่นได้หรือ
ช่วงเทศกาลนี้เดิมพันที่ดีที่สุดสำหรับเครื่องประดับเก๋ๆ ในราคาไม่แพงจนเกินไป เป็นสินค้าที่มีการเพิ่มมูลค่า และที่สำคัญที่สุดคือมีส่วนช่วยเหลือสังคมด้วย ลองมาดูกระแสมาแรงดังต่อไปนี้

                                                jtv.com
     1. จากคลาสสิกสู่ร่วมสมัย
เมื่อปีที่แล้ว Diamond Trading Co. สนับสนุนให้ผู้บริโภคซื้อ "สินค้าน้อยชิ้นแต่คุณภาพดี" นี่คือมนตราซึ่งเน้นความไร้กาลเวลาของเครื่องเพชรคลาสสิก เช่นต่างหูเม็ดจี้เพชรเม็ดเดี่ยว และสายสร้อยข้อมือ แนวทางนี้สัมพันธ์กับสภาพการณ์ในตลาดซึ่งหันมาสนใจสินค้าคลาสสิกที่นำมาปรับปรุงใหม่ และเน้นมูลค่า ลองนึกถึงความยืนยงของเครื่องประดับอย่างต่างหูห่วงกำไลข้อมือ และสร้อยคอโซ่คล้อง













ภาพ Onyx ring จาก Joaillerie de France
2. เงินรมดำ
เนื่องจากราคาทองยังคงไต่สูงขึ้นเรื่อยๆ ธุรกิจเครื่องประดับจึงกระโดดหนีไปหาเงินกันเป็นการใหญ่ จากที่ได้รับการค้นพบใหม่อีกครั้งโดยตลาดบนเมื่อเกือบสองปีก่อน ขณะที่เศรษฐกิจร่วงลงสู่ภาวะถดถอย โลหะสีขาวนี้จึงกลายเป็นพระเอกขี่ม้าขาวให้แก่วงการออกแบบ แต่ที่น่าแปลกคือมันกลับทำหน้าที่นี้ได้ดีเป็นพิเศษเมื่อนำไปรมดำ เนื่องจากว่าเงินรมดำจะช่วยเพิ่มความหรูหราให้งานที่ ดูเรียบๆ น่าสนใจมากยิ่งขึ้น และนอกจากนั้น ในเวลาที่กระแสแฟชั่นที่เน้นความใหญ่และสะดุดตา เงินจึงเป็นทางเลือกเดียวสำหรับผู้ที่ยังชอบโลหะมีค่าชนิดนี้อยู่











โมรา (Agate ring) traderscity.com
3. พลอยสีสุดหรรษา
ด้วยความที่โลกแฟขั่นยังสนใจอยู่กับขนาด จึงไม่แปลกใจที่อัญมณีขนาดใหญ่แต่ราคาถูกซึ่งเคยดูไม่น่าสนใจ กลับกลายเป็นวัสดุสุดพิเศษสำหรับนักออกแบบ โมรา แผ่นหินโพลง ที่มีผลึกรูปเม็ดน้ำตาล และพลอยหลังเบี้ยแบบขุ่นขนาดใหญ่ที่ไม่เคยได้รับความนิยม กลับโดดเด่นด้วยฝีมือนักออกแบบและได้รับความนิยม เป็นอย่างมาก เนื่องจากราคาที่ไม่สูงมากนัก ยังเข้ากับกระแสแฟชั่นในปัจจุบันอีกด้วย

Evil Eye & Hamsa Pendant By kaboodle.com
     4. การเดินทางอันแสนหวาน
ช่วยเทศการมักนำคนไปสู่ความโรแมนติก อันเป็นเหตุผลทำให้เครื่องประดับที่บ่งบอกอารมณ์ความรู้สึกกลายเป็นเครื่องประดับยอดนิยมประจำฤดูกาล "เครื่องประดับรูปดวงตาปีศาจ (Evil Eye) ชาร์มนำโชค สัญลักษณ์โยคะ จี้แฮมซา (Hamsa Pendant) อะไรก็ตามที่แฝงความนัยถึงความสงบและเป็นเครื่องลางประจำตัว คือสินค้าสุดฮิตในปีนี้"

designer-jewelry.com & polyvore.com
     5. แปลกและแตกต่าง

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วผู้บริโภคสินค้าหรูหราไม่ได้ยึดติดกับมูลค่าของเครื่องประดับอีกต่อไปแล้ว แต่กลับเป็นตรงกันข้าม ผู้หญิงแสดงให้เห็นว่าต้องการเสาะหาเครื่องประดับที่เหมาะกับตัวเองโดย ไม่ขึ้นกับราคา เพราะผู้ซื้อต้องการเครื่องประดับที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของตัวเอง ซึ่งเหมายถึง การจับเอาเครื่องประดับต่างๆ มาผสมผสานกันในแบบของตัวเอง สร้อยคอที่ใช้ชาร์มจำนวนมาก สร้อยข้อมือชาร์ม สร้อยที่ใส่กับเป็นเลเยอร์ ทองคำสีเครื่องใส่คู่กับสีขาว เป็นการจับคู่ระหว่างเครื่องประดับราคาสูง และราคาปานกลางที่โดดเด่น กลายเป็นเอกลักษณ์ที่ลงตัว











ภาพ Sterling silver bamboo-motif bangles
แหล่งที่มา :  Happinessss
จาก Thistle & Bee
http://www.git.or.th/thai/know/2010/01_january/g20100126.html

ศิลปะเครื่องประดับ

ศิลปะเครื่องประดับ
     ปัจจุบันสถาบันการเรียนการสอนศิลปะในมหาวิทยาลัย และวิทยาลัยได้ให้ความสำคัญศิลปะเครื่องประดับมาก โดยเปิดสอน และให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ในต่างประเทศวิชาการออกแบบเครื่องประดับ และการทำเครื่องประดับนี้เป็นวิชาเอก และวิชาเลือกในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอกมานาน แต่ในประเทศไทยเรานั้น เพิ่งจะได้รับความสนใจ อาจเป็นเพราะนักออกแบบเครื่องประดับ ( jewelry designer ) กำลังเป็นที่ต้องการในตลาดเครื่องประดับ และเครื่องประดับของไทยได้กลายเป็นสินค้าออกที่มีซื่อเสียง เช่นเดียวกับสินค้าออกอื่นๆ ความเด่นของเครื่องประดับในประเทศไทย คือความงดงาม ประณีต ละเอียดอ่อน และใช้วัสดุที่ธรรมชาติสร้างซึ่งหายากในต่างประเทศ แต่มีมากในประเทศเรา เช่น ทับทิมสยาม ไพลิน เขียวส่อง ฯลฯ สิ่งดังกล่าวนี้ คือ หินสีที่มีความสดใสเมื่อเจียระไนเล่นเหลี่ยมแล้ว จะวาววับจับตา ซึ่งราคาสูงมากเพราะหาได้ยาก มีไม่มากนัก
     ก่อนหน้าที่เครื่องประดับในประเทศไทย จะก้าวไปสู่การเป็นสินค้าส่งออกนั้น การออกแบบเครื่องประดับยังคงอยู่ ในรูปแบบซ้ำๆ ที่เคยมีมาแต่ในอดีตยังไม่มีรูปแบบเครื่องประดับ ที่แสดงออกถึงความคิดแปลกใหม่ ในงานเครื่องประดับ แต่ในปัจจุบันการออกแบบเครื่องประดับได้กลายเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อการสร้าง สรรค์งานเครื่องประดับ
การออกแบบเครื่องประดับ
     นักออกแบบจะต้องเรียนกฎเกณฑ์ ทฤษฎี ของการออกแบบก่อน เพื่อจะนำไปใช้ให้เกิดความสวยงาม ความกลมกลืน ฯลฯ สำหรับรูปแบบที่จะเป็นโครงสร้างของเครื่องประดับชิ้นนั้นๆ นักออกแบบเครื่องประดับจะต้องรู้ว่า เครื่องประดับชิ้นนั้น ใช้วัสดุอะไรทำ และมีกระบวนการทำอย่างไร การออกแบบใช่จะเพียงเขียนภาพระบายสีสวยงาม เพราะแบบบางแบบ ออกแบบได้สวยงามแต่ไม่อาจทำอะไรได้ตามแบบ เพราะนักออกแบบออกแบบได้แต่ไม่รู้กระบวนการทำนั้นเอง เช่นเดียวกับนักออกแบบเสื้อผ้า ที่เขียนรูปเสื้อผ้าสวยๆได้ ออกแบบตามที่ตนจินตนาการ แต่ไม่รู้โครงสร้างของเสื้อผ้า แบบที่ออกไป จึงไม่สามารถนำไปใช้ได้ในชีวิตจริง เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น ซึ่งคุณค่าของงานก็แตกต่างกันด้วย
การศึกษาด้วยการดูมากๆ พิจารณาการออกแบบจากของจริง จากหนังสือการออกแบบเครื่องประดับ มีส่วนช่วยให้เห็น ข้อดีข้อเสียจากการออกแบบเครื่องประดับได้อย่างมาก
เครื่อง ประดับเป็นงานศิลปะหรืองานช่าง
     เครื่องประดับเป็นได้ทั้งงานศิลปะ และงานช่าง ความแตกต่างอยู่ที่จุดมุ่งหมายของนักออกแบบว่าจะเน้นจุดใด เครื่องประดับที่เป็นงานช่าง รูปแบบและวัสดุจะสนองความต้องการของคนส่วนใหญ่ คำนึงถึงการค้า ไม่ได้คิดถึงความแปลกใหม่ ของรูปทรงสร้างสรรค์ วัสดุที่ใช้เน้นความมีราคา ซึ่งต่างกับเครื่องประดับที่เป็นงานศิลปะ ซึ่งมุ่งเน้น ความคิดสร้างสรรค์แปลกใหม่ทั้งรูปแบบ วัสดุ และหน้าที่ใช้สอย ผลงานที่สร้างจะมีเพียงชิ้นเดียว สร้างตามพอใจของนักออกแบบ วัสดุที่ใช้ไม่จำเป็นต้องมีราคาแพง คุณค่าของงานจะอยู่ที่องค์ประกอบทั้งหมดของงานชิ้นนั้นๆ มีความสัมพันธ์กัน แม้จะใช้วัสดุที่ไม่มีราคาแพงมากทำก็กลับดูมีคุณค่า มีความงามที่สะดุดตานั้นเอง
พื้นฐานของนักออกแบบเครื่องประดับ
    1. มีความคิดสร้างสรรค์แปลกใหม่เสมอ เพื่อให้ได้ผลงานแปลกตา ความคิดสร้างสรรค์จึงเป็นกุญแจสำคัญในการออกแบบ
     2. พิจารณาความสัมพันธ์ของแบบ เทคนิคในการทำ เปรียบเทียบงานเครื่องประดับในลักษณะเดียวกัน เพื่อหาข้อดีข้อเสีย เพื่อปรับปรุงแก้ไข ทุกครั้งที่พบเห็นงานเครื่องประดับให้ถามตนเองว่าชอบหรือไม่ชอบ เพราะอะไร และโน้ตเก็บไว้ในสมุด เพื่อเป็นแนวทางในการสร้างงานครั้งต่อไป
     3. สเก็ตช์แบบใว้ให้มาก สเก็ตช์ขนาดเล็กๆ การสเก็ตช์แบบมากๆ ทำให้ได้ความคิดแปลกออกไป ยิ่งสเก็ตช์มาก ก็จะยิ่งได้รูปแปลกใหม่เพิ่มขึ้น และเลือกแบบที่ดีที่สุดจากงานหลายชิ้นนั้นมาเขียนรายละเอียด ลงสี
     4. หลังจากสเก็ตช์แบบเสร็จแล้ว จำเป็นต้องทดลองทำหุ่นตามแบบด้วยกระดาษ การทำหุ่นด้วยกระดาษ จะทำให้นักออกแบบ สามารถแก้ปัญหารูปทรงสามมิติจริงได้ และรู้ความสัมพันธ์ของโครงสร้างของส่วนรวมและส่วนปลีกย่อยอื่นๆ เมื่อมีปัญหา ก็สามารถลดตัดทอนในแบบได้
     5. รู้กระบวนการในการสร้างงานเครื่องประดับ การทำเครื่องประดับแบ่งได้ 2 ขั้นใหญ่ๆ คื่อ
          ก. ขั้นพื้นฐาน การทำเครื่องประดับขั้นพื้นฐานนี้ได้แก่วิธีฉลุ ( sawing ) วิธีปั๊ม ( dapple ) วิธีพับ ( folding ) วิธีแขวน ( hanging ) วิธีทุบเคาะ ( repousse ) วิธีเชื่อมต่อหรือถักเชื่อม ( reticulation ) วิธีบัดกรี ( solder ) ซึ่งวิธีการทำดังกล่าวถ้าออกแบบแปลก จะได้งานเครื่องประดับที่มีความสวยงาม ใช้เครื่องมือทำง่ายๆ แต่รูปแบบ แสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์ และทำให้งานมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น วัสดุที่ใช้มักจะเป็นโลหะแผ่น โลหะที่รีด เป็นเส้นเหมือนเส้นลวด
          . ขั้นประยุกต์ การทำเครื่องประดับในขั้นนี้ ได้แก่ วิธีหล่อ ( casting ) วิธีหลอมละลาย ( fusing ) วิธีเคลือบ (enameling) และวิธีฝังหินแบบตะเข็บ ( bezel ) ขั้นประยุกต์นี้ นักออกแบบสามารถนำวิธีในขั้นพื้นฐานมาใช้ร่วมได้ พลิกแพลงรูปแบบการสร้างสรรค์ได้มากยิ่งขึ้น
     อย่างไรก็ตาม การออกแบบเครื่องประดับที่จะทำให้นักออกแบบเครื่องประดับประสบผลสำเร็จได้ นั้น มักจะเป็นการออกแบบเครื่องประดับที่เป็นงานศิลปะ มากกว่าเครื่องประดับที่เป็นงานช่าง นักออกแบบเครื่องประดับ ที่มีความสามารถมาก สามารถสร้างวัสดุราคาถูกให้กลายเป็นสิ่งมีคุณค่าราคาสูงได้ด้วย การออกแบบ จำเป็นจะต้องศึกษาเฉพาะรูปแบบ เช่น การออกแบบแหวน การออกแบบสร้อยคอ การออกแบบเข็มกลัดติตเสื้อ การออกแบบกำไลข้อมือ ฯลฯ สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะมีความแตกต่างอยู่ในหน้าที่ของมัน นักออกแบบจำเป็นต้องศึกษาในรายละเอียดของสิ่งต่างๆ
เครื่อง ประดับกับผู้หญิง
     เครื่องประดับกับผู้หญิงเป็นของคู่กัน ผู้หญิงส่วนใหญ่นิยมใช้เครื่องประดับไม่ว่าจะเป็นแหวน ต่างหู สร้อยคอ สร้อยข้อมือ และอื่นๆ อีกมากมายที่ใช้ในการประดับร่างกายเพื่อความสวยงาม นอกจากเครื่องประดับจะใช้ประดับเพื่อความสวยงามแล้ว ยังบอกรสนิยมของผู้ใช้ และเสริมบุคลิกให้เด่นเป็นสง่าได้อีกด้วย
    เครื่องประดับส่วนใหญ่จะออกแบบเหมือนกันเป็นส่วนมาก ทั้งนี้ผู้ออกแบบเองถือความนิยม ความต้องการของตลาดเป็นหลัก ดังนั้น งานเครื่องประดับที่เห็นจึงมักจะเป็นการออกแบบซ้ำซากกันทั้งรูปทรง และวัสดุ การทำเครื่องประดับนับเป็นงานศิลปะ หรือไม่ขึ้นอยู่กับนักออกแบบนั่นเอง หากนักออกแบบมุ่งเอาใจความต้องการของคนส่วนใหญ่เพื่อต้องการขาย และออกแบบสนองความต้องการของคนเหล่านั้น การออกแบบจะอยู่ในวงจำกัด ไม่สามารถคิดสร้างสรรค์ผลงานใหม่ได้ เพราะความกลัวว่างานจะไม่เป็นที่นิยมของตลาด ผลงานนั้นมีเพียงชิ้นเดียว ไม่สามารถทำซ้ำได้อีก งานเครื่องประดับนั้น จะเป็นงานศิลปะ ดังนั้น นักออกแบบเครื่องประดับจึงต้องมีความคิดสร้างสรรค์ในด้านรูปทรงและวัสดุที่ จะใช้
      การทำเครื่องประดับนั้นมีหลายวิธี อาจจะใช้วัสดุมาร้อยประกอบ บัดกรี และหล่อ การหล่อและบัดกรีนิยมใช้ในโลหะรูปพรรณ ศิลปะเครื่องประดับส่วนใหญ่จะใช้วิธีบัดกรี และวิธีหลอม เพราะสามารถสร้างงานได้ หลายรูปทรง โดยเฉพาะวิธีหล่อเป็นที่นิยมมาก เพราะจะได้งานละเอียดชิ้นเดียว ในงานเครื่องประดับที่เป็นงานอุตสาหกรรม จะใช้วิธีหล่อหลายชิ้นในเวลาเดียวกัน และเหมือนๆ กัน งานเครื่องประดับเป็นเสมือนงานประติมากรรมชิ้นเล็กๆ ที่มีคุณค่าทางความงามในด้านรูปทรง และผลรวมของความงามทางศิลปะหลายด้านไว้ดัวยกัน ดังนั้น งานเครื่องประดับนอกจากจะเน้นคุณค่าของรูปทรง ความงดงามของโครงสร้าง ยังต้องคำนึงถึงความสัมพันธ์ของวัสดุด้วย
   เรามักจะเน้นคุณค่าของวัสดุที่ใช้ทำเครื่องประดับมากกว่ารูปแบบ คือขอให้เป็นเพชร ทับทิม มรกต ไพลิน และอื่นๆ ที่มีราคาไว้ก่อน แบบสวยหรือสร้างสรรค์หรือไม่เอาไว้ดูทีหลัง นั้นหมายถึงเครื่องประดับที่เน้นคุณค่าทางราคา มากกว่าคุณค่าทางความงาม รูปทรงและความคิดสร้างสรรค์ของนักออกแบบ
      แต่ผู้หญิงสมัยใหม่นิยมที่จะใช้เครื่องประดับแปลกๆ มีความสวยงามของรูปทรงแปลกตา ด้วยความคิดสร้างสรรค์ของนักออกแบบ มากกว่าราคาของเครื่องประดับ เราจะเห็นว่าเครื่องประดับที่ทำจากวัสดุราคาถูก เช่น เงิน ทองเหลือง แต่ก็มีรูปแบบแปลกตาหวือหวา ราคาจะแพงขึ้นทันที บางคนอาจจะคิดว่าก็วัสดุถูกๆ ทำไมราคาถึงแพงได้ ที่ว่ามีราคาแพงก็เพราะคุณค่าอยู่ที่การออกแบบ เพราะผู้สร้างเขาเน้นที่แบบ มากกว่าวัสดุ และเพราะการออกแบบที่ดีนั่นเอง ที่ทำให้เกิดความสัมพันธ์อันงดงามระหว่างรูปแบบ และวัสดุที่ใช้
ที่มา: จากหนังสือ "ศิลปะเครื่องประดับ" โดย วรรณรัตน์ อินทร์อ่ำ
แหล่งที่มา : www.patchra.net