How to วิธีการดูเพชรแท้ เขี่ยเพชรเทียม

สวยรวยไม่พอ ต้องฉลาดด้วย
How to วิธีการดูเพชรแท้ เขี่ยเพชรเทียม
clip_image001
ขึ้นชื่อว่าผู้หญิงอ่ะนะ โปรดปราน “เพชร” เป็นที่สุด ยิ่งถ้าได้(ฟรี)จากคนรักด้วย เพชรเม็ดนั้นยิ่งมีค่านัก อิอิ แหม แต่ท่ามกลางเศรษฐกิจตกสะเก็ด จะซื้อหาเพชรทั้งทีก็กลัวโดนหลอกน่ะสิ!?
clip_image002
อเมริกันเอ็กซ์เพรส จึงจัดอบรมวิธีดูเพชร ที่โรงแรมโฟรซีซัน
โดยเชิญ คุณเปิ้ล หิรัญญา ตั้งสืบกุล
เจ้าของร้านเพชรชื่อดัง ABC Jewelry มาเป็นวิทยากร
clip_image003
คุณเปิ้ล เกริ่นถึงสาเหตุที่มาสอนเทคนิคง่ายๆ ของการดูเพชรว่า แม้ปัจจุบันเวลาทำการซื้อขายเพชรจะมีใบรับรอง (certificate) อยู่แล้ว แต่ก็ยังมีบางครั้งที่มิจฉาชีพ อาจนำมาหลอกลวง เช่น อ้างว่าของร้อน ต้องการรีบขาย
เมื่อไม่นานมานี้ ยังมีตำรวจ มาขอความช่วยเหลือกับคุณเปิ้ลว่า ขอให้ช่วยดูเพชรให้หน่อยว่าเป็นเพชรแท้ หรือเพชรเทียม เพราะมีกรณีฟ้องร้องกันอยู่ ตำรวจก็ดูเรื่องเหล่านี้ไม่ออก
เธอจึงคิดว่าหากนำความรู้เรื่องวิธีดูเพชรแบบง่ายๆ มาเผยแพร่ ก็น่าจะช่วยลดปัญหาการหลอกลวงได้บ้าง หรืออย่างน้อยที่สุดก็น่าจะเป็นการเพิ่มเติมความรู้ให้กับผู้ชื่นชอบ หรือสนใจเรื่องเพชรได้
clip_image004 เทคนิคง่ายๆ 7 ประการ สำหรับการดูเพชร

1. ดูที่ความหนาแน่น น้ำหนักของเพชร จะมีลักษณะเฉพาะเจาะจง ( specific gravity) คือ ไม่มีสสารใดจะมีน้ำหนักเท่านี้ ซึ่ง specific gravity ของเพชรจะอยู่ที่ 3.52 ข้อมูลนี้จะนำมาใช้ประโยชน์ได้เช่น เพชร 1 กระรัต จะมีน้ำหนักที่ 0.22 กรัม ซึ่งเบามาก แต่หากเป็นของที่ใช้เลียนแบบเพชร ส่วนใหญ่จะหนักกว่าเป็นเท่าตัว แต่ถ้าเป็นของจำพวกพลาสติกก็จะเบามาก เมื่อจับดูก็แทบจะไม่รู้สึกเลยว่ามีอะไรอยู่ในมือ ซึ่งเรื่องน้ำหนักนี้แม้จะบอกไม่ได้ 100% แต่ก็เป็นตัวบ่งบอกว่าเราต้องระวัง และตั้งข้อสังเกตได้
clip_image005
2. ดูความแข็ง เพราะเพชร มีอะตอมที่อยู่ใกล้กันมาก ซึ่งผลจากการที่อะตอมอยู่ใกล้กัน เวลาช่างนำมาเจียระไน ขอบที่ได้ก็จะมีความคมเฉียบ เทียบง่ายๆ ได้กับพลาสติก ซึ่งเป็นโพลีเมอร์( Polymer) จะมีอะตอมจะอยู่ห่างกัน ต่อให้ช่างเจียระไนเก่งแค่ไหน ก็ไม่มีทางได้ขอบที่คม เพราะขอบพลาสติกจะยืดหยุ่น นอกจากนี้การเจียระไนเพชรนั้นจะปรากฎขอบบริเวณรอยเจียระไนของเพชร หรือเกิลเดิล (girdle) ลักษณะเป็นเส้นๆ ที่ศัพท์เทคนิคเรียกว่า “หนวดเพชร”
clip_image006
3. เหลี่ยมเพชรไม่พบเส้นซ้อน หรือขอบเหลี่ยมเพชรนั้น เมื่อใช้กล่องส่องแล้ว จะเห็นได้ว่าทุกด้านเป็นเหลี่ยมเป็นมุม ไม่พบเส้นซ้อน ดังนั้นหากเราส่องเข้าไปใกล้ๆ ที่มุมใดมุมหนึ่ง แล้วเห็นเป็นเป็นลักษณะโค้งๆ แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่เพชร ข้อควรจำอีกอย่างเวลาดูเพชรคือ จะต้องไม่ส่องดูแค่มุมเดียว ต้องส่องดูหลายๆ มุมไปจนรอบ
clip_image007
4. ดูรอยแตก หากเป็นตำหนิแตกของเพชร จะแตกเป็นรูปเปลือกไม้ คือ ร่นลงมาเรื่อยๆ เป็นขั้นบันได แต่หากเป็นวัสดุอื่น ส่วนใหญ่เมื่อแตกจะเป็นรอยเว้า
clip_image008
5. การดูค่าดัชนีหักเห (วิธีนี้ใช้ทดสองได้เฉพาะเพชรที่มีลักษณะเม็ดกลมที่มีสัดส่วน 1 ต่อ2 ต่อ3) ซึ่งเพชรที่ดูมีสัดส่วนแบบนี้ (เพชรส่วนใหญ่มักทำเป็นลักษณะนี้) หากเป็นเพชรแท้ เมื่อแสงเข้ามายังตัวเพชร แสงทั้งหมดจะหักเหสะท้อนกลับไปที่ตาได้หมด จะไม่มีแสงทะลุลงไปถึงด้านล่างเลย
วิธีทดสอบคือ คว่ำหน้าเพชรลง แล้วลากผ่านกระดาษที่มีตัวหนังสือ มองลงไปตรงๆ หากเห็นตัวหนังสือ ก็ระบุได้เลยว่า สิ่งนั้นไม่ใช่เพชร แต่หากมองไม่เห็นตัวหนังสือ ก็อย่าเพิ่งสรุป ต้องเอาไปทดสอบแบบอื่นต่อนะคะ
clip_image009
6. การกระเจิงแสง เพชรจะกระเจิงแสงออกเป็น 7 สี สะท้อนกลับมาที่ตาของเรา ซึ่งการกระเจิงแสงของเพชรจะ เรียกว่า “elegant” คือ สวยสง่างามพอดิบพอดี โดยแสงทั้ง 7 สี จะไม่สดจนเกินไป อย่างเพชรรัสเซีย จะสีสดมาก แสงจะจัดมาก หรือพลอยเพทาย (พลอยที่มีลักษณะคล้ายเพชร) จะมีแสง 7 สีเหมือนกัน แต่จะอ่อนกว่าเพชร
7. ความสม่ำเสมอของตำหนิเพชร วิธีนี้ใช้แยกได้ดีที่สุดระหว่าง เพชรแท้ และเพชรเทียม อย่าง Synthetic Moissanite (พลอยชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเหมือนเพชรมาก เดิมเกิดเองตามธรรมชาติแต่ภายหลังมีการนำมาผลิตด้วยกระบวนการวิทยาศาสตร์) โดยวิธีสังเกตคือ หากเป็นเพชรจำพวกSynthetic mouse a nite เมื่อส่องดูตำหนิภายในเพชร จะมีความสม่ำเสมอ ต่างจากเพชรแท้ที่เกิดตามธรรมชาติที่ตำหนิจะไม่เท่ากัน ดังนั้นหากเห็นตำหนิที่เป็นแบบแผนมากเกินไป ก็ต้องตั้งข้อสังเกตว่าอาจไม่ใช่เพชร หรือเป็นสิ่งที่สร้างในห้องแลป (Lab) หรือเปล่า
* วิธีดูเพชรที่กูรูไม่สนับสนุน

- การทดสอบโดยเอาเพชรมาถูกัน เพราะเพชรมีมูลค่ามาก หากขูดกันแล้วปรากฎว่าเป็นเพชรแท้ เพชรนั้นก็จะเสียหาย
- การเอาปากเป่า หรือวิธีที่ใช้เอาแหวนมาอังที่ปาก โดยเชื่อว่าถ้าเป็นเพชรแท้จะไม่นำความร้อน เมื่อเป่าไปแล้วจะไม่เป็นไอ (ไอน้ำไม่เกาะ) แต่ถ้าเป็นธาตุอื่นจะรับไอร้อนมาสักระยะหนึ่ง ทำให้เกิดเป็นไอน้ำบริเวณผิว ขอบอกว่ากรณีนี้ใช้ไม่ได้เสมอไป เพราะขึ้นอยู่กับความเร็วของคน เช่น บางคนเป่าแล้วดึงมือขึ้นมาเร็วมาก แต่อีกคนดึงมือขึ้นมาช้า แล้ว (หากมีอายุมาก) กว่าจะเพ่งตาไปมองอีก ไอน้ำที่มีก็หายไปแล้ว
- การทดสอบโดยอาศัยหลักแสงยูวี (UV-Ultraviolet) วิธีการนี้ใช้หลักคิดที่ว่าบางครั้งในเพชรจะมีธาตุโบรอน ( Boron) ปะปนมาด้วย เมื่อไปอยู่ใต้แสงยูวี โบรอนจะเรืองแสงสีฟ้า แต่กรณีนี้หากเพชรเม็ดนั้นไม่มีโบรอนปนอยู่ มีแต่คาร์บอน (Carbon) ล้วน (ซึ่งมีโอกาสที่จะเป็นไปได้) เพชรเม็ดนั้นก็จะไม่เรืองแสงสีฟ้า แต่มันก็คือเพชรเหมือนกัน ดังนั้นวิธีการนี้..กูรูคุณเปิ้ลของเราจึงไม่แนะนำค่ะ
* เก็บตกบรรยากาศจดจ่อเรียนรู้ดูเพชรแท้-เพชรเทียม
clip_image010
clip_image011                                                    เพชรแท้ ? เพชรเทียม ?

clip_image012

การที่จะดูว่าเพชรเม็ดไหนเป็นเพชรแท้หรือเพชรเทียมต้องอาศัยประสบการณ์พอสมควรค่ะ เพชรเทียมคือเพชรที่ทำขึ้นมาเลียนแบบเพชรแท้ คุณสมบัติทางฟิสิกส์ เคมี จะแตกต่างจากเพชรแท้โดยสิ้นเชิง ซึ่งมีหลายชนิดด้วยกัน ที่พบบ่อยๆได้ในท้องตลาดก็เห็นจะเป็น “เพชรรัสเซีย” หรือ ที่มีชื่อเรียกในภาษาอังกฤษว่า Synthetic Cubic Zirconia (CZ) ส่วนเพชรเทียมอื่นๆก็มีอีกหลายตัว เช่น YAG, GGG, Synthetic moissanite (เพชรโมอิส) เป็นต้น
ก่อนอื่นเราต้องมีอุปกรณ์ในการช่วยดูก่อนค่ะ สำหรับนักอัญมณีจะใช้กล้องจุลทรรศน์ที่มีกำลังขยายหลายเท่าในการเช็คประกอบกับเครื่องมืออื่นๆ แต่สำหรับคนซื้อคนขายก็ควรจะมี “Loupe” ที่มีกำลังขยาย 10 เท่า (ที่เค้าใช้ในการส่องพระน่ะแหละค่ะ) ติดตัวไว้จะช่วยได้เยอะเลยทีเดียว
clip_image013
                                             Loupe กำลังขยาย 10 เท่า


วิธีการดูเพชรอย่างง่ายๆ
-ดูเหลี่ยมของเพชร ถ้าเป็นเพชรแท้เหลี่ยมจะคมชัดเนื่องจากเพชรเป็นแร่ที่แข็งที่สุด ส่วนเพชรเทียมเหลี่ยมมักไม่คมชัด ยกตัวอย่างในรูประหว่างเพชรแท้กับ CZ

clip_image014
                                                  เพชรแท้ เหลี่ยมจะคม
clip_image015
                                                 CZ (เพชรรัสเซีย) เหลี่ยมไม่คม
-ดูตำหนิภายใน เพชรแท้ส่วนใหญ่มักมีตำหนิธรรมชาติภายในอยู่แล้ว บางเม็ดอาจสังเกตเห็นได้ยาก แต่บางเม็ดก็อาจสังเกตเห็นได้ง่าย
clip_image016
อย่างเม็ดนี้ เพชรแท้มีผลึกสีดำอยู่ข้างในก้อนเบ้อเร่อ
(ที่เขาเรียกกันว่าเพชรมีไฝดำ)
-ดูประกายสีรุ้ง สำหรับคนที่ดูเพชรบ่อยๆ การดูประกายของเพชรจะสามารถแยกเพชรแท้กับเพชรเทียมได้ค่ะ เช่น ปกติเพชรแท้เวลาส่องไฟ มักจะมีประกายสีรุ้ง เล่นไฟอยู่แล้วใช่มั้ยคะ แต่ถ้าเป็น CZ ประกายสีรุ้งจะมีมากกว่าเพชรแท้ คือจะเห็นเป็นสีรุ้งพรึ่บพรั่บกว่าค่ะ
ที่กล่าวไปเป็นการแยกเพชรอย่างง่ายๆด้วยตาเปล่าค่ะ ถ้าจะศึกษาจริงๆยังมีวิธีแยกอีกหลายอย่าง ซึ่งต้องใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ประกอบด้วย เช่น วัดความถ่วงจำเพาะของเพชร ทำให้สามารถแยกระหว่างเพชรแท้และเพชรเทียมได้ อย่าง CZ จะมีความถ่วงจำเพาะสูงกว่าเพชรแท้ ดังนั้นในขนาดที่เท่ากัน CZ จะมีน้ำหนักที่หนักกว่าเพชรแท้ค่ะ
ยังมีเพชรเทียมอีกชนิดนึงที่หน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับเพชรแท้มากๆนั่นก็คือ“เพชรโมอิส” หรือเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า “Synthetic Moissanite” เพชรเทียมชนิดนี้สังเคราะห์ขึ้นมาโดยมีความแข็งที่ใกล้เคียงกับเพชรแท้ ทำให้แยกกันลำบากถ้ามองด้วยตาเปล่า เพราะว่าเหลี่ยมจะค่อนข้างคมเหมือนเพชรแท้ วิธีสังเกตเพชรเทียมชนิดนี้ ให้สังเกตที่ “ภาพซ้อน” (doubling) ของเหลี่ยมเพชรค่ะ การเกิดภาพซ้อนของเพชรโมอิสเกิดจากการหักเหของแสงที่แตกต่างจากเพชรแท้ ทำให้สามารถแยกได้ค่ะ
clip_image017
ลักษณะภาพซ้อนในเพชรโมอิส สังเกตว่าเหลี่ยมจะเห็นเป็นเส้นคู่กัน
clip_image018
สังเกตดูดีๆจะเห็นภาพซ้อน (ต้องมองทะลุลงไปนะคะ)
การมองภาพซ้อนนี้ต้องใช้ความชำนาญพอสมควร คนที่ดูไม่ชำนาญก็สามารถดูผิดพลาดได้นะคะ
บางคนอาจบอกว่า ยากจัง ดูยังไงก็ดูไม่เป็นอยู่ดี ยังมีเครื่องมืออีกตัวนึงค่ะ ที่ช่วยได้ และตามร้านจิวเวลรี่ก็ควรจะมี นั่นก็คือ เครื่องจี้เพชร หลักการของเครื่องจี้เพชรคือวัดการนำความร้อนของเพชร ลักษณะของเครื่องจี้เพชรจะเป็นแบบรูปนี้ค่ะ ตรงปลายจะเป็นเหมือนเข็มไว้จี้
clip_image019
clip_image020
clip_image021
ถ้าเป็นเพชรแท้ เครื่องมันก็จะร้องปี๊ด และมีแสงแสดงขึ้นมาบนเครื่องตรงตำแหน่ง diamond เนื่องจากเพชรสามารถนำความร้อนได้ดี ซึ่งถ้าเป็นเพชรเทียมอย่าง CZ ก็จะไม่มีปฏิกริยาอะไรเลย แต่ว่าเครื่องนี้บางทีมันก็สับสนกับเพชรโมอิสได้เหมือนกัน เพราะว่าเพชรโมอิสก็สามารถนำความร้อนได้ดี การนำความร้อนจะใกล้เคียงกับเพชรแท้มาก ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดในการแยกเพชรโมอิสกับเพชรแท้คือการดูภาพซ้อนค่ะ
http://www.manager.co.th/Celebonline/ViewNews.aspx?NewsID=9530000038155
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=prakaikaew&group=2